ธนาคารกรุงเทพ (BBL) โดย Bualuang Exclusive จับมือ Pictet พร้อม บลจ.บัวหลวง บลจ.บางกอกแคปปิตอล และ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง จัดสัมมนาเศรษฐกิจ ฉายภาพโอกาสลงทุนปี 2022 ชี้เทรนด์ตลาดโลกชะลอตัวลง ห่วงเงินเฟ้อ-ค่าแรงพุ่ง มั่นใจกลุ่มประเทศอาเซียนฟื้นตัวร้อนแรง เปิดรับการลงทุนเติบโตในระยะยาว พร้อมแนะนำ 4 ธีมการลงทุนตอบรับความท้าทายปี 2022

นายอเล็กซานเดอร์ ทาวาซซี่ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน เอเชีย นักกลยุทธ์เศรษฐกิจโลก และประธานกรรมการบริหารสายงานลงทุน Pictet Wealth Management กล่าวในการปาฐกถาหัวข้อ “Global Economics Outlook” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดสัมมนาออนไลน์ “Economic and Investment Outlook 2022 : เปิดมุมมองเศรษฐกิจโลก เจาะลึกกลยุทธ์การลงทุนไทย” จัดโดยธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โดยได้กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2022 ว่าจะมีทิศทางชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้าในลักษณะที่เรียกว่า Soft Landing โดยมีปัจจัยกดดันสำคัญอยู่ที่อัตราเงินเฟ้อ เนื่องจากมีรายการสินค้าจำนวนมากที่ราคากำลังปรับตัวสูงขึ้น ปัญหาจากการจัดการอุปทานในด้านกำลังการผลิตและการขนส่ง รวมถึงปัญหาด้านแรงงานและค่าแรงที่ยังคงมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังภาคธุรกิจต่างๆ กลับมาดำเนินธุรกิจอีกครั้งและต้องการแรงงานที่มีทักษะกลับเข้าสู่ระบบ

พร้อมกันนั้น เขายังวิเคราะห์อีกว่าตลาดการลงทุนที่น่าสนใจยังคงเป็นในฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียนที่จะเริ่มฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนในปีนี้ หลังจากต้องเผชิญสถานการณ์ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้ธุรกิจจำนวนมากได้รับผลกระทบในปีที่ผ่านมา ดังนั้น ในเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาของการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับการลงทุนอีกครั้ง ฝจากธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการบริหารห่วงโซ่อุปทานของตนเองโดยเข้าไปลงทุนในประเทศอื่นเพิ่มเติมนอกเหนือจากจีน หรือนโยบาย China Plus One

ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในทิศทางดังกล่าว นายทาวาซซี่ ได้แนะนำแนวคิดเกี่ยวกับการจัดสรรเงินลงทุนในปี 2022 ออกเป็น 4 รูปแบบ (ธีม) ประกอบด้วย

การลงทุนที่ในกลุ่มธุรกิจที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) ซึ่งเป็นแนวโน้มการลงทุนในยุคหลังโควิด เพื่อเดินหน้าสู่ภายใต้เป้าหมายการลดปริมาณปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว รัฐบาลแต่ละประเทศต้องใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งปัจจุบันยังลงทุนค่อนข้างน้อยเพียง 1 ใน 3 ของแผนงานดังกล่าว จึงมั่นใจว่าในระยะหลังจากนี้จะเห็นแนวโน้มการลงทุนในธุรกิจเหล่านี้เพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัว

เน้นการลงทุนที่สร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่มีคุณภาพดี อาจพิจารณาจากธุรกิจที่มีการจ่ายเงินปันผล การลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทที่มีเครดิตดีที่เป็นกลุ่มธุรกิจดาวรุ่งในเอเชีย ซึ่งมีหลายบริษัทที่กลับมามีอันดับเครดิตที่ดีขึ้นในระดับเกรดลงทุนอีกครั้ง หลังสถานการณ์โควิด-19 ได้คลายตัวลง และอาจสร้างโอกาสเพิ่มอัตราผลตอบแทนได้โดยพิจารณาลงทุนในประเทศที่มีแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งแกร่ง โดยประเมินจากการมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่ดี มีดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก และมีระดับหนี้สินค่อนข้างต่ำ

การลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ หากประเมินอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับ 2-4% การลงทุนในหุ้นยังคงเป็นทางเลือกที่ดีมาก โดยเฉพาะธุรกิจที่มีอำนาจต่อรองสูงเพราะมีความสามารถทำกำไรในภาวะที่ต้นทุนสูงขึ้นได้ อาจเป็นธุรกิจที่มีพื้นฐานแบรนด์แข็งแกร่ง มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย คู่แข่งเลียนแบบได้ยาก จึงมีความสามารถปรับขึ้นราคาเพื่อส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังผู้บริโภคแทนได้ เช่นเดียวกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มักให้ผลตอบแทนที่ดีในสถานการณ์เงินเฟ้อสูง

โดยทางเลือกลงทุนภายใต้ความผันผวน การบริหารจัดการพอร์ตลงทุนต้องเตรียมพร้อมปรับตัวและมีแผนเชิงรุกเพื่อรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนต่างๆ เช่น ปัจจัยความขัดแย้งระหว่างประเทศในเอเชียและยุโรป ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหลังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงอาจพิจารณาทางเลือกในการบริหารความเสี่ยงด้วยเช่นกัน

“ในมุมของเรามองว่าปี 2022 ภาวะเศรษฐกิจยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน แต่ยังคงเชื่อมั่นว่าจะมีผลบวกต่อการลงทุน และโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตที่ดี ซึ่งหวังว่าการแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก รวมถึงทิศทางการลงทุนดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจบริหารการลงทุนในปีนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายทาวาซซี่ กล่าวทิ้งท้าย

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket