บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล หรือ HENG ประกาศกลยุทธ์ปี 2565 ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 8.6 พันล้านบาท ดันพอร์ตคงค้างแตะ 1.2 หมื่นล้านบาท รุกตลาดจำนำทะเบียนรถ ดันพอร์ต 3 ปี เพิ่มสัดส่วนเป็น 60% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% เผย เดือน พ.ย.นี้ จ่อปล่อยสินเชื่อ Digital Personal Loan หลังได้รับอนุมัติไลเซนส์ พร้อมลงทุนเทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์สินเชื่อ-บริหารจัดการคุณภาพลูกหนี้ให้มีประสิทธิภาพ

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 นางสุธารทิพย์ พิสิฐบัณฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG หนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายใหญ่ของประเทศไทยภายใต้แบรนด์ “เฮงลิสซิ่งฯ” เปิดเผยว่า ตอนนี้บริษัทอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตสินเชื่อ Digital Personal Loan จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคาดว่าภายในเดือนพฤศจิกายน 2565 น่าจะสามารถเริ่มดำเนินการปล่อยสินเชื่อได้

โดยเบื้องต้นจะเน้นปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายเก่าก่อน เนื่องจากจะต้องทดลองโมเดลในขั้นตอนกระบวนการพิจารณา ติดตามหนี้ และความสามารถในการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้ ซึ่งวงเงินปล่อยกู้ตามเพดานที่ ธปท.กำหนด 2 หมื่นบาทต่อราย ทั้งนี้ คาดว่าจะต้องทดลองปล่อยเพื่อดูความเสี่ยงอย่างน้อยประมาณ 6 เดือน

สุธารทิพย์ พิสิฐบัณฑูรย์
สุธารทิพย์ พิสิฐบัณฑูรย์
“ปลายปีนี้เราน่าจะเริ่มปล่อยให้กับลูกค้ารายแรกของเราได้ ซึ่งตอนนี้เราอยู่ระหว่างการพูดคุยกับ ธปท.ถึงแผนการปล่อยกู้และรายละเอียดต่าง ๆ คาดว่าน่าจะได้รับการอนุมัติได้ ซึ่งเบื้องต้นเราคงไม่ได้คาดหวังว่าจะให้สินเชื่อนี้เป็นรายได้หลักกับบริษัท แต่จะช่วยขยายฐานลูกค้าผลักดันการเติบโตในระยะยาว”

นางสุธารทิพย์กล่าวว่า แผนการปล่อยสินเชื่อในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 8,600 ล้านบาท หรือเติบโต 25-30% โดยมียอดคงค้างสิ้นปีอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยการเติบโตจะมาจากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถราว 55-60% สินเชื่อเช่าซื้อ 30-35% และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์อีก 10%

ทั้งนี้ บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญในการเติบโตในสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมากขึ้น โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2565-2567 จะขยับสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเป็น 60% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% และสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันอีก 10% โดยพยายามรักษาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ระดับ 3.1% จาก ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 3.4%

นอกจากนี้ ภายในปีนี้จะนำเทคโนโลยีด้านไอทีเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการสินเชื่อและเพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้า หลังได้ลงทุนพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทรัพยากรเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับการขยายตัว โดยพัฒนาซอฟต์แวร์พิสูจน์ยืนยันตัวตน หรือ KYC ช่วยพิจารณาสินเชื่อที่เหมาะสม รวดเร็ว ด้วยต้นทุนให้บริการที่ลดลง และนำฐานข้อมูล (Big Data) มาวิเคราะห์วางแผนต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ให้มีความหลากหลายและเหมาะสมกับพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย สร้างโอกาสให้ประชาชนในแต่ละท้องถิ่นเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่โปร่งใสและเป็นธรรม

ขณะเดียวกันจะมุ่งเพิ่มเครือข่ายพันธมิตรผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองจากปัจจุบันที่มีกว่า 5,100 ราย เพื่อส่งเสริมแผนดำเนินงานของ HENG ในปีนี้ ซึ่งมุ่งขยายสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ) อย่างต่อเนื่อง

โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อดังกล่าวเป็น 55-60% ของพอร์ตรายได้รวม จากเดิมมีสัดส่วน 32% พร้อมผลักดันรายได้กลุ่มธุรกิจให้บริการนายหน้าประกันวินาศภัยและนายหน้าประกันชีวิตผ่านเครือข่ายสาขาให้แก่บริษัทประกัน รองรับประชาชนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันใช้ป้องกันความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการขยายพอร์ตสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ (สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์) เพื่อตอบสนองความต้องการแหล่งเงินทุนนำไปประกอบอาชีพอิสระในช่วงจังหวะเศรษฐกิจกลับมาขยายตัวที่ดี

บริษัทยังเร่งขยายสาขาเพิ่มอีกกว่า 100 แห่ง เน้นพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก ให้แล้วเสร็จภายในต้นไตรมาส 2/2565 จากเดิมเมื่อสิ้นปี 2564 มีสาขาทั้งหมด 529 แห่ง ส่งผลให้ “เฮงลิสซิ่งฯ” จะมีสาขารวมทั้งหมดกว่า 630 สาขาทั่วประเทศ เพิ่มโอกาสนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อของ HENG เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในแต่ละท้องถิ่น ส่งผลดีต่อการขยายพอร์ตสินเชื่อโดยรวมในปีนี้ให้เติบโต 30% ได้ตามแผน

นอกจากนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจอย่างรวดเร็วตามแผน HENG เตรียมความพร้อมการออกหุ้นกู้ในวงเงินหมุนเวียนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท โดยเป็นการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมจากการจัดหาโดยการกู้ยืมสถาบันการเงิน ซึ่งจะเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจและโอกาสทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน โดยในสิ้นปี 2564 บริษัทพึ่งพิงการกู้ยืมจากสถาบันการเงินในสัดส่วน (D/E Ratio) 1 เท่าของส่วนของผู้ถือหุ้น บริษัทยังมีสัดส่วนความสามารถในการจัดหาเงินเพื่อใช้ในการขยายตัวทางธุรกิจอีกหลายเท่าของจำนวนเงินกู้ยืมธนาคารในปัจจุบัน

ดร.ธีรวัฒน์ ธวัลรัตน์โภคิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบัญชีและการเงิน HENG กล่าวว่า บริษัทได้ตั้งงบฯลงทุนปีนี้กว่า 120 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานรองรับการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อให้เป็นไปตามแผน หลังจากในปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าได้ดีกว่าเป้าหมาย ทำให้พอร์ตสินเชื่อโดยรวมอยู่ที่ 9,180.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% และทั้งนี้บริษัทยังให้การช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และการปรับโครงสร้างหนี้อยู่ที่ 2,598.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 28.3 มีรายได้จากรวม 1,644.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับปี 2563

โดยสัดส่วนรายได้หลัก 89.8% มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สาเหตุเพราะสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หลังปรับกลยุทธ์มุ่งขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ด้วยการใช้จุดแข็งทางเครือข่ายพันธมิตรผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์และส่งต่อลูกค้ามายังสาขา .”เฮงลิสซิ่งฯ” ส่วนผลิตภัณฑ์เช่าซื้อรถยนต์มือสองก็มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์การบริหารพอร์ตสินเชื่อของทางบริษัท

ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำสัดส่วนรายได้ 10.2% ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อเอนกประสงค์สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีรายได้ประจำ และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อยที่นำไปประกอบอาชีพ ซึ่งมีผลตอบแทนจากการปล่อยสินเชื่ออยู่ในเกณฑ์สูง ประกอบกับการบริหารจัดการคุณภาพลูกหนี้ที่ดีต่อเนื่อง

ทั้งนี้ทำให้ภาพรวมอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยสินเชื่อ (Yield on Loan) โดยเฉลี่ยในปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 16.9% เป็นผลให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 353.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งนับเป็นกำไรสูงที่สุดของบริษัท

จากความสำเร็จในครั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานในปี 2564 ในอัตรา 0.01 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 7 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ยังได้เตรียมขอมติผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินหมุนเวียนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท โดยมีกำหนดลงมติในวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 พุธที่ 20 เมษายน 2565

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance