อาคมเผยกองทุนน้ำมันเล็งขอกู้เพิ่มเป็น 4 หมื่นล้านบาท คาดพยุงราคาได้ถึงเดือน พ.ค. 65 ด้าน รมช.คลังเผย รัฐพยายามหารือซาอุฯ ขอซื้อน้ำมันดิบในราคาต่ำกว่าราคาตลาดโลก
วันที่ 8 มีนาคม 2565 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังทำหน้าที่เข้าไปพยุงราคาน้ำมันได้อยู่ทุกประเภท โดยได้ขออนุมัติวงเงินการกู้เงินจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็น 30,000 ล้านบาท
และคาดว่าเร็ว ๆ นี้ จะมีการขอกู้เพิ่มเป็น 40,000 ล้านบาท เพื่อพยุงราคาก๊าซหุงต้ม และน้ำมันดีเซล ซึ่งคาดว่าสภาพคล่องวงเงิน 40,000 ล้านบาทดังกล่าว จะสามารถพยุงราคาน้ำมันได้ถึงเดือน พ.ค. 65 ซึ่งจะต้องมีการติดตามสถานการณ์อีกครั้ง
ส่วนการกู้เงินของกองทุนน้ำมันนั้น กระทรวงการคลังจะไม่ได้เป็นผู้ค้ำประกัน โดยกองทุนจะต้องมีการเข้าไปหารือร่วมกับสถาบันการเงิน โดยการบริหารของกองทุนน้ำมันเป็นช่วงที่บริหารกองทุนในช่วงที่ราคาน้ำมันขาขึ้น จึงต้องเข้าไปอุดหนุน แต่เมื่อราคาปรับตัวลดลง ก็อาจจะต้องเริ่มเก็บเงินเข้ากองทุน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่อง
“กองทุนน้ำมันขณะนี้ใช่ว่าจะไม่มีเม็ดเงินเหลืออยู่เลย ตอนนี้ยังมีเม็ดเงินจากการเก็บอัตราน้ำมันหลายตัว แต่น้อยมาก เช่น น้ำมันดีเซล ต้องใช้เงินอุดหนุน เพราะกองทุนติดลบ แต่ถ้าเป็นบวกก็มีการเก็บเงินเข้ากองทุน แต่ก็มีรายได้เข้าไม่มาก เพราะน้ำมันหลายตัวของการช่วยเหลืออย่าง LPG และเบนซินก็เก็บไม่ได้มาก แต่ก็มีรายได้อยู่ เพียงแต่ว่ารายจ่ายออกไปมากกว่า”
ทั้งนี้ การลดภาษีน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร ตามนโยบายตรึงราคาดีเซล 30 บาทต่อลิตร ภายใต้สมมุติฐานราคาน้ำมันโลกอยู่ที่ 100 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งก็ยังสามารถพยุงได้อยู่ แต่หากขึ้นไปถึง 120-130 เหรียญต่อบาร์เรลติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็อาจจะต้องมาพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ดี มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้น้ำมันด้วย
ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการดูแลต้นทุนราคาพลังงาน ว่า เป็นเรื่องโชคดีที่นายกรัฐมนตรี ได้สร้างสัมพันธ์อันดีทางการทูตกับซาอุดีอาระเบีย
ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และกระทรวงการต่างประเทศ ได้พยายามเจรจากับมิตรประเทศที่เป็นผู้ผลิตน้ำมัน เช่น ซาอุฯ เพื่อขอซื้อน้ำมันดิบในราคามิตรภาพ ที่ต่ำกว่าราคาตลาดโลก
เพราะปัจจุบันราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูงเป็นราคาของตลาดโลก แต่เมื่อประเทศไทยมีมิตรประเทศ ก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยทำให้ต้นทุนราคาน้ำมันลดลง และบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพแก่ประชาชน แต่ลึก ๆ เชื่อว่าสถานการณ์สู้รบคงจะไม่นาน
อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance